THE NIMBUS

THE NIMBUS

Intro

                        ในอดีตกาล โลก ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดอันร้ายกาจ โดยที่ความมืดนั้นได้พยายามจะครอบงำเหล่ามนุษย์ให้ตกอยู่ได้อำนาจมืด และเมื่อผู้คนใดก็ตามซึมซับความมืดนั้นมากเกินขีดจำกัด ก็จะก่อกำเนิดเป็นความชั่วร้าย

                และในท้ายที่สุด ก็จะแปรเปลี่ยนไปเป็นปีศาจ ภายใต้การควบคุมของจักรพรรดิแห่งความมืด ที่หวังจะสร้างโลกใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยอบายมุข

      แต่ทว่า ท่ามกลางความมืดมิดที่กำลังแพร่ไพศาลไปทั่วสารทิศนั้น ยังคงมีแสงสว่างเพียงหนึ่ง

                เชื้อสายแห่งนักบวชและนักรบที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ และทรงพลังที่สุดในแผ่นดิน พวกเขาคือแสงสว่างสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ แน่นอนว่าพวกเขาคือความหวังเดียวของมวลมนุษยชาติ จึงได้รับการขนานนามว่า

                "นิมบัส"

                เนิ่นนานหลายปีที่เหล่านิมบัสได้เข้าต่อกรกับปีศาจแห่งความชั่วร้าย พวกเขาเสียเลือดเนื้อและชีวิตของสมาชิกในเผ่าพันธุ์ไปเป็นจำนวนมาก

                แต่ในท้ายที่สุด สงครามก็จบลงด้วยชัยชนะของพวกเขา

                ว่ากันว่าทายาทแห่งนิมบัสทั้งสามตระกูลที่เหลือรอด ได้ทำการปิดผนึกพลังแห่งนิมบัสไว้เพื่อกักขังจักรพรรดิแห่งความมืด ภายในหุบเขาลึกลับที่ชื่อว่า ฟอร์เรสโคลด์ โดยตราตรึงเขาไว้ด้วยไม้กางเขนวิเศษประจำตระกูลทั้งสามอัน

                และหวัง ว่าจะจองจำเขาไปได้ตลอดกาล

                หากแต่ว่าเหล่านิมบัสคงจะลืมไป ว่าตราบใดที่มนุษย์ยังคงกระทำความชั่วร้ายอยู่ พลังแห่งจอมมารก็จะไม่มีวันแตกดับ แต่กลับกัน คือจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

                และตอนนี้เวลาก็ได้เดินทางมาปีสุดท้ายของศตวรรษที่เก้าแล้ว...

                อีกไม่นานจะเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือดขึ้นอีกครั้ง

แนะนำข้อมูลในเรื่อง

โรงเรียนเบลนเดเต้  เดอ นิวอาร์จ

สถานศึกษาที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านเวสท์มินสเตอร์ ทั้งดีที่สุด เข้มงวดที่สุด และเข้าเรียนยากที่สุด 

โรงเรียนแห่งนี้จะแบ่งนักเรียนทั้งหมดออกเป็น 3 ไทป์ด้วยกัน คือ

1. ไทป์ปิซซันท์ เก่งกีฬา สัญลักษณ์ประจำไทป์คือเฟรมิทริกซ์ 

2. ไทป์ลาวีเตซซ์ เก่งดนตรี สัญลักษณ์ประจำไทป์คือเพเรกไวด์ 

3. ไทป์ซอร์ซิเออร์ เก่งศิลปะ  สัญลักษณ์ประจำไทป์คือวิซเซอร์แบร์ 

เพราะเรื่องราวในครั้งอดีตกาลที่ยังคงส่งผลมาถึงปัจจุบัน

ความดี ความชั่ว ความรัก ความเกลียดชัง ยังแฝงอยู่ในทุกอณูจิตใจของมนุษย์ 

การต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการนั้น ต่างกันไม่มากนัก

เจ้าชายแห่งความมืดจะลืมตาขึ้นในวันที่จิตใจของมนุษย์ตกต่ำลงถึงขีดสุด 

ในวันนั้น จะไม่มีใครหลบพ้น

ทุกพื้นที่จะเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เสียงกรีดร้อง เรื่องเลวทราม และหยดเลือด

แม้ว่าแสงสว่างจากนิมบัสจะส่องประกายเพียงใด

แต่เมื่อแสงสว่างหายไป ความมืดก็จะคืบคลานเข้ามาแทนที่

" จะรออยู่ในจิตใจของเจ้า..."